วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ภารกิจของกองทพบก
ตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2503 มาตรา14 ความว่า "กองทัพบก มีหน้าที่เตรียมกำลังกองทัพบกและป้องกันราชอาณาจักร มีผู้บัญชาการทหารบกเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ"
นอกจากการป้องกันประเทศแล้ว การพัฒนาประเทศของกองทัพนั้นนับว่าเป็นงานหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้งานป้องกันประเทศโดยการใช้กำลังทหาร ซึ่งถ้าหากจะพิจารณาให้ดีแล้วจะเห็นว่าในยุทธศาสตร์ของการป้องกันประเทศไทยนั้นเราใช้ยุทธศาสตร์ป้องกันเขตหน้า ซึ่งต้องอาศัยกำลังทุกประเภทเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ตามแนวชายแดน การที่จะใช้กำลังหลักหรือกำลังประจำถิ่นมาวางกำลังป้องกันประเทศคงเป็นไปไม่ได้ ดัง นั้นกำลังประชาชนก็นับได้ว่ามีความสำคัญไม่แพ้กำลังประเภทอื่น ๆ แต่การที่จะใช้กำลังประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพได้นั้น ต้องอาศัยระบบการต่อสู้เบ็ดเสร็จเข้ามาดำเนินการ และองค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ยุทธศาสตร์พัฒนาซึ่งเป็นการพัฒนาคนและพื้นที่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ซึ่งถือได้ว่ากองทัพจะต้องเข้าไปมีบทบาทในการพัฒนาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และการพัฒนานี้เป็นการพัฒนาเพื่อการป้องกันประเทศ นอกจากนั้นแล้วเมื่อประชาชนได้รับความเดือดร้อนกองทัพต้องเข้าไปมีส่วนช่วย เหลือด้วย
ในการพัฒนาของกองทัพนั้นสามารถกระทำได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งทางตรงนั้นอาจจะเป็นแผนงานหรือโครงการที่บรรจุไว้ในแผนงานของรัฐบาลหรือ การปฏิบัติโดยอ้อมอาจเป็นการให้การศึกษาแก่ทหารและประชาชนในพื้นที่ที่หน่วยทหารตั้งอยู่ ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม นักพัฒนาของกองทัพต้องคำนึงถึงบทบาทและหลักการรวมทั้งแนวทางต่างๆ อย่างถูกต้องและเหมาะสมเพื่อเป็นการลดปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการพัฒนาของกองทัพจะเกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อที่จะ ได้ผนึกกำลังทั้งมวลใช้ในการป้องกันประเทศได้อย่างแท้จริง
เมื่อจะกล่าวถึงทหาร กับ การพัฒนาประเทศ กองทัพไทยนั้นได้มีบทบาทในการพัฒนาประเทศในหลายๆ ด้านดังนี้
1. กอง ทัพกับการพัฒนาทางด้านการเมือง กองทัพได้ จัดให้มีการเสริมสร้างระบอบประชาธิปไตย โดยให้ความรู้ ความเข้าใจ และสนับสนุนกำลังพลให้ใช้สิทธิ์ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง โดยเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองสามารถใช้พื้นที่และสื่อของกองทัพประชาสัมพันธ์ อุดมการณ์ของพรรคได้อย่างเท่าเทียมกัน และจัดทำโครงการหมู่บ้านป้องกันตนเองชายแดน โดยให้เป็นหมู่บ้านตามแผนยุทธศาสตร์การต่อสู้เบ็ดเสร็จ เพื่อให้ประชาชนสามารถพึ่งตนเอง ในการป้องกันความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินอันจะช่วยให้เกิดความมั่นคงตาม แนวชายแดนทุกด้านของประเทศ เป็นต้น
2. กอง ทัพกับการพัฒนาด้านสังคมและจิตวิทยามีการดำเนิน กิจกรรมด้านนี้อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมส่งเสริมสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และกิจกรรมสาธารณประโยชน์ทางสังคม บทบาทที่ชัดเจนของกองทัพคือ การรวมพลังของสังคมที่แสดงออกซึ่งความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เป็นปะจำ อีกทั้งยังมีความสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีกับชุมชน โดยจัดกิจกรรมในลักษณะของการให้ความช่วยเหลือสนับสนุนซึ่งกันและกัน ระหว่างส่วนราชการ ภาคเอกชน กับประชาชนทั่วไป อาทิ การจัดอบรมวิชาชีพให้ประชาชนที่สนใจ การแลกเปลี่ยนกำลังพล เข้าอบรมหลักสูตรในหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชน ให้สามารถประสานการทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ การส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การอำนวยการ ประสานงานและดำเนินการเป็นโครงการร่วมระหว่างภาครัฐกับเอกชนเพื่อสร้างสภาพ แวดล้อมที่ดีให้แก่ประชาชน และพิทักษ์รักษาทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่าของประเทศไว้ การจัดกำลังทหารสนับสนุนการป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า และการจัดกิจกรรมปลูกป่าการอนุรักษ์พันธ์ไม้และพันธ์สัตว์ป่า ร่วมกับประชาชนในโอกาสต่างๆ เป็นต้น
3. การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบสาธารณะภัยกองทัพได้ทำ การช่วยเหลือประชาชนในภาวะที่เกิดภัยพิบัติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น น้ำท่วม ภัยแล้ง ไฟป่า หรืออุทุกภัย โดยการจัดตั้งหน่วยงานขึ้น รับผิดชอบในรูปของ “ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกระทรวง กลาโหม” และศูนย์บรรเทาสาธารณภัยของแต่ละเหล่าทัพ
4. กองทัพกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจนโยบายหลัก ของภารกิจด้านนี้คือ การสนับสนุนโครงการพระราชดำริทุกโครงการ โดยเฉพาะตามแนวชายแดน ในเขตที่หน่วยราชการอื่นเข้าไปไม่ถึง หน่วยทหารจึงได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการให้ความช่วยเหลือ ปกป้องคุ้มครองแก่ราษฎรในชนบทห่างไกลความเจริญ อันเป็นการสนองตอบต่อพระราชประสงค์ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ที่ทรงห่วงใยราษฎรในพื้นที่ดังกล่าว และทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานโครงการพระราชดำริให้ดำเนินการในพื้นที่เหล่านั้น โดยมีพระบรมราชวินิจฉัย “ถ้า มีการบุกรุกเข้ามาด้วยอาวุธเราต้องรบ ถ้ารุกเข้ามาด้วยการแทรกซึม เราต้องทำให้บ้านเมืองมั่นคงด้วยการพัฒนา ให้ประชาชนทั่วไปอยู่ดีกินดี มีความมั่นคง” และด้วยความเข้าพระทัยในงานของทหารอย่างลึกซึ้ง จึงมีพระราชดำรัสให้สังคมเข้าใจอย่างชัดเจนถึงภาระหน้าที่อันแท้จริงของทหาร ว่า “อันความมั่นคงของชาตินั้น มิใช่ก่อกำเนิดหรือกำเนิดขึ้นได้ด้วยพลังทางการทหารในการป้องกันประเทศเท่า นั้น แต่ยังรวมถึงการที่จะต้องสร้างสรรค์ให้พี่น้องประชาชนมีความอยู่ดีกินดี มีความสุขสมบูรณ์ เขาจึงจะเกิดความรักแผ่นดินนี้ และนั่นคือความมั่นคงที่แท้จริงและถาวร”
จาก http://cgsc.rta.mi.th ( web site โรงเรียนเสนาธิการทหารบก )
นอกจากการป้องกันประเทศแล้ว กองทัพบกยังต้องดูแลความผาสุกของประชาชนในประเทศ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของชาติ ทั้งในด้านความมั่นคง ความเป็นอยู่ของประชาชน ทรัพยากรธรรมชาติ
ส่วนพัฒนาประเทศของกองพัพบก นอกจากการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบคมนาคม ระบบน้ำอุปโภคบริโภค ระบบน้ำเพื่อการเกษตร ท่อประปา อ่าเก็บน้ำ ระบบไฟฟ้าแล้ว ยังส่งเสริมโครงการตามแนวพระราชดำริอีกด้วย
ในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทย ความแตกต่างทางกายภาพของแต่ละภาค ส่งผลให้เกิดความแตกต่างทางด้านอาชีพ และ ข้อจำกัดต่างๆ ส่วนช่วยพัฒนาประเทศของกองทัพบกจึงต้องกำหนดนโยบายการพัฒนาในแต่ละภาคให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ในรูปของโครงการที่แตกต่างกันไป ของแต่ละกองทพภาค รับผิดชอบโดยกองพลพัฒนาของแต่ละกองทัพภาค
แต่หากเกิดความไม่สมดุลของทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ จะส่งผลกระทบต่ออาชีพ การดำรงชีวิต สภาพความเป็นอยู่ของประชาชน เกิดความขาดแคลนของทรัพยากร ต่อด้วยภาวะแก่งแย่ง และปํญหาทางสังคมตามมาในทีี่สุด การพัฒนาความเจริญจะหยุดชะงัก ทั้งความเจริญทางวัตถุและทางจิตใจจากการขาดจิตสำนึก เพราะต้องดิ้นรนแก่งแย่งเพื่อเอาตัวรอดก่อน ตามสภาพเช่นนี้ ประชาชนจะไม่สามารถอยู่อย่างผาสุข ความมั่งคงที่แท้จริงที่เกิดจากการวางกำลังป้องกันของทหารและกำลังประจำถิ่นร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย ดังนั้น เราไม่สามารถเหลีกเลียงได้ที่จะกล่าวว่า ทหารมีหน้าที่ป้องการประเทศ ช่วยพัฒนาประเทศ และ ปกป้องทรัพยากรอันสำคัญของชาติอีกด้วย
เขียนโดย O.INF ที่ 02:22 0 ความคิดเห็น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)